วันที่ 20 พฤศจิกายน ๒๕68 เวลา 10.00น. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ประสานความร่วมมือ ด้านปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติไทย - สปป.ลาว ภายใต้กรอบความร่วมมือคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนจังหวัดหนองคาย และทวิภาคีไทย - ลาว เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อประสานการรับตัวผู้ต้องหาสัญชาติไทยหลบหนีหมายจับไปอาศัยใน สปป.ลาว จำนวน 3 หมาย โดยมีผู้แทนหน่วยงานเข้าร่วมประสานการดำเนินการ ดังนี้ นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พล.ต.ต.อัทธชนม์ ช่วงงาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 บช.ปส. พ.ต.อ.กริช ปัตลา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู นางสาวลลิตา อรรถพิพล ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพราหมณกุล รองผู้กำกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ผู้แทนสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 นางสาวกัญญ์ชิสา ประดิษสุวรรณ์ สำนักงานศุลกากรหนองคาย พ.อ.เรวัฒ ธรรมจิรเดช เสธ.กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ผู้แทนนบ.ยส. 24
การประสานความร่วมมือรับผู้ต้องหาสัญชาติไทยหลบหนีหมายจับที่จะมีการรับมอบตัวเพื่อไปดำเนินคดีในประเทศไทยในครั้งนี้ มีจำนวน 3 คน เป็นการประสานความร่วมมือ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคีไทย-ลาว เรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 1 คน คือ นายบุญทัน กูลเกล้า หมายจับของศาลจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ จ.76/2568 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2568 ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยผิดกฎหมาย สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ความเป็นมาของคดีนี้ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 สภ.นากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาบ้า 46,972 เม็ด ที่อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู มีการสอบสวนขยายผลและออกหมายจับดังกล่าว ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ รายที่ ๒ และ รายที่ 3 ตามกรอบความร่วมมือคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนจังหวัดหนองคาย ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานกรรมการ ผู้ต้องหาตามหมายจับรายที่ 2 คือนายอิทธิพล ธนกรเกรียงไกร หมายจับศาลอาญาที่ 618/2565 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2565 ข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยในกลุ่มประชาชนร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้สมคบกันร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป กระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้สมคบกัน ความเป็นมาจากการจับกุมคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 กก.2 บก.สกส.บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 7 คน พร้อมยาบ้า 4,400,000 เม็ด ได้ที่อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย (ผู้ต้องหา 4 คน) และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 คน ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และต่อมามีการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมนายอิทธิพล ธนกรเกรียงไกร ซึ่งเป็นผู้สั่งการในขบวนการดังกล่าว
ผู้ต้องหารายที่ 3 นายอานนท์ เมณฑ์กูล หมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 704/2568 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (คีตามีน) โดยมีเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน (ของกลางคีตามีน 10 กิโลกรัม) มีที่มาจากการสืบสวนขยายผลมาจากคดีเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 กก.สส.2 บก.สส.บช.น. จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) ชนิดเกล็ดสีขาวขุ่น บรรจุในถุงชาเขียว จำนวน 10 ถุง น้ำหนักรวม 10 กิโลกรัม ที่บริเวณถนนหน้าบ้านเลขที่ 170 ภายในซอย พหลโยธิน 127 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จึงมีการสืบสวนขยายผลจนนำมาสู่การออกหมายจับดังกล่าว
จากนั้น ในช่วงเวลา 10.30 น. เลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะผู้แทนหน่วยงานประสานความร่วมมือฯ ร่วมแถลงข่าว การประสานความร่วมมือรับตัวผู้ต้องหาสัญชาติไทยหลบหนีหมายจับไปอาศัยใน สปป.ลาว จำนวน 3 หมายดังกล่าว ดังนี้ “การส่งตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่หลบหนีหมายจับไปยังประเทศเพื่อนบ้านครั้งนี้ เป็นผลมาจากประชุมทวิภาคีไทย-ลาว เรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 20 ระดับรัฐมนตรี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 25 ธันวาคม 2567 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยพลตำรวจโท คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบแห่ง สปป.ลาว เป็นประธาน และพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย (ในขณะนั้น) เป็นประธานร่วม ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือผ่านอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติดของ สำนักงาน ป.ป.ส. ที่ประจำอยู่ที่ สปป.ลาว ผลสำเร็จของการประชุมทวิไทย-ลาว ทางไทยโดย สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับความร่วมมือจากทางการลาวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา สปป.ลาว ได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดียาเสพติดที่หลบหนีมาอาศัยที่ สปป.ลาวจำนวน 17 คน รวมกับครั้งนี้ 3 คน รวมทั้งสิ้น 20 คน
การส่งมอบตัวผู้ต้องหาสัญชาติไทยหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด จำนวน 3 คน ในครั้งนี้ ของ สปป.ลาว เป็นการผนึกกำลังของ สำนักงาน ป.ป.ส.กับกรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ (สำนักงานตรวจตราและควบคุมยาเสพติดและกรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด) และยังเป็นการผนึกกำลังกรอบความร่วมมือระดับท้องถิ่น นั่นคือระหว่างหน่วยงานระดับจังหวัดหนองคาย หน่วยงานระดับแขวงที่มีพื้นที่ชายแดนติดกัน หรือที่เรียกว่าคณะกรรมการความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนจังหวัดหนองคาย โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายเป็นประธานกรรมการ ทำให้เห็นว่า ความร่วมมือในด้านการปราบปรามยาเสพติดระหว่างสองประเทศ มีความเข้มแข็ง รวมถึงนโยบายของรัฐบาลลาวที่มีความจริงจังในการปราบปรามยาเสพติดในประเทศ
จากนั้น เลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะฯ เดินทางข้ามด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย- เวียงจันทน์) เพื่อรับตัวผู้ต้องหาจากกรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ ณ ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย - เวียงจันทน์) ส่งกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในการนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมกันบูรณาการการทำงานทุกด้านและให้มีการดำเนินการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มข้น เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด