วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.ปปส.ภ.4 และคณะฯ ลงพื้นที่
ต้อนรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯ ในการเดินทางตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีสรุปสาระสำคัญดังนี้
1. เวลา 11.40 น. ณ วัดบ้านเขวาทุ่ง ตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตาม รับฟังสรุปผลการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด และเป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดล
การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นางสาว จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด
ร้อยเอ็ด รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารส่วนท้องถิ่นจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าร่วมประชุม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายสำคัญที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ทำให้สามารถจับกุม กวาดล้างยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก จากรายงานถือเป็นผลงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ที่มีสถิติที่เพิ่มขึ้น
ทั้งการจับกุมกวาดล้าง ผู้ค้ารายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย จึงขอให้ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป
พร้อมยกระดับให้เข้มข้นขึ้น โดยให้ขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามภูมิภาค “ยาเสพติดเป็นหน้าที่ของทุกๆ คน ที่จะต้องร่วมกันช่วยกันในการทำให้ทุกคนปลอดจากยาเสพติด โดยการป้องกัน ปราบปรามและฟื้นฟูเพื่อให้พวกเราทุกคนห่างจากยาเสพติดที่เป็นพิษร้าย
บ่อนทำลายชาติ ถ้าสังคมปลอดยาเสพติดจะทำให้ปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาลักขโมย ปัญหาสังคมและอื่นๆ จะน้อยลง
หรือไม่มีเลย” นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต้องตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ กวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด เพิ่มประสิทธิภาพมาตรการ ยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นอย่างจริงจังและเด็ดขาด และให้ความสำคัญกับการดำเนินการต่อข้อร้องเรียนของประชาชนโดยเร่งด่วน “ส่วนการบำบัดรักษา มอบหมายให้ ปปส. อปท. มหาดไทย สาธารณสุข ตำรวจ ทหาร ทำงานอย่างบูรณาการ พิจารณาแนวทางการเพิ่มสถานพยาบาลในการรองรับการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดให้เพียงพอ เช่น
การเปิดศูนย์บำบัดผู้ป่วยยาเสพติด ในพื้นที่ของส่วนราชการที่ควบคุมได้ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้ามาจัดการเรื่องการบำบัดดูแล ทั้งนี้ให้พิจารณาแผนการดำเนินงานให้มีความเหมาะสมต่อไปซึ่งหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยตัดวงจรยาเสพติดได้อย่างยั่งยืนคือ กระบวนการบำบัดรักษาไม่ให้กลับไปใช้ ยาเสพติดซ้ำ ผ่านการฝึกอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการบำบัด ขอให้ทุกภาคส่วนขยายผลการดำเนินงานในเรื่องศูนย์ฝึกอาชีพให้เพียงพอ ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลเอาจริงกับเรื่องนี้ ปัญหายาเสพติดต้องหมดไป ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เชื่อว่า
จะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอนทั้งนี้รัฐบาลชุดนี้พร้อมสานต่อนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยจะให้อีก 10 จังหวัดนำร่อง ยกระดับให้เข้มข้นขึ้น ได้แก่ ภาคเหนือ เชียงใหม่, ภาคกลาง อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์, ภาคตะวันออกเฉียง-เหนือ สกลนคร นครพนม, ภาคตะวันออก ระยอง และภาคใต้ นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส จะต้องประกาศได้ว่าเป็นจังหวัดปลอดยาเสพติด หรือปัญหายาเสพติดลดลงให้ได้มากถึง 90 % โดยมีห้วงเวลาเป้าหมายก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องช่วยกันสร้างสังคม ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัดสีขาว เพื่อประเทศไทยสีขาว ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป
2. เวลา 12.45 น. ณ ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวแพทองธาร
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯ ติดตามผลการทำงานของกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในโครงการมินิธัญญารักษ์ นายกรัฐมนตรี
รับฟังประสบการณ์กระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของโครงการมินิธัญญารักษ์จากผู้เข้ารับการบำบัด ซึ่งได้เล่าถึงความสำเร็จในการบำบัด โดยกล่าวว่า นอกจากจะหลุดพ้นจากยาเสพติดแล้วยังได้รับความรู้ ทำให้มีพลังในการจะออกไปทำงานในสังคม และทำให้เข้มแข็ง
มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โดยได้ให้คำมั่นสัญญาต่อนายกรัฐมนตรีว่า หลังจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง และให้ลูกที่กำลังจะเกิดมา นายกรัฐมนตรีกล่าวอวยพรวันเกิดให้ผู้เข้ารับการบำบัด พร้อมกล่าวว่าคนที่ติดยาเสพติดไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนไม่ดี แต่เป็นคนที่ตัดสินใจผิดพลาด ขอให้ครอบครัวและสังคมตระหนักถึงความผิดพลาดจากปัญหาหลายๆ อย่างในชีวิต รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นพื้นฐานของปัญหาต่างๆ ถ้าไม่มีปัญหายาเสพติดจะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ในหลายๆ ด้าน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้มแข็งของประชาชน ขอให้ผู้บำบัดทุกคนภูมิใจในตัวเองที่สามารถเดินออกจากยาเสพติดได้
ขอให้ครอบครัวภูมิใจตัวผู้ที่ผ่านการบำบัด เพราะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญทำให้เลิก ยาเสพติดได้ รัฐบาลจะทำทุกวิถีทาง ให้ยาเสพติด
หมดไปหรือเหลือน้อยที่สุด จะทำให้เกิดปัญหาต่อชีวิตและสังคมน้อยที่สุด ขอส่งความรักส่งกำลังใจให้ผู้ที่บำบัดยาเสพติด ขอให้หนักแน่น
ก้าวผ่านไปให้ได้ ขอให้จดจำวันที่มีสติ วันที่เข้าใจทุกอย่างว่าเป็นวันที่ดีกว่าวันที่ติดยาเสพติด ขอบคุณทุกๆ คนเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้ผู้บำบัดยาเสพติดก้าวผ่านมาได้ ขอให้ผู้บำบัดยาเสพติดขอบคุณตัวเองและขอบคุณทุกคนที่ทำให้เรากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
3. เวลา 14.30 น. ณ องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำใส อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด นายกรัฐมนตรี และคณะ ติดตามการฝึกอาชีพและแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการบำบัด ยาเสพติด ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหายาเสพติดตำบลน้ำใส
อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นแนวทางสร้างความยั่งยืนในการบำบัดยาเสพติด โดยให้ ผู้กล้า หรือผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัด
ยาเสพติดแล้วได้รับการฝึกอาชีพ สำหรับพื้นที่ตำบลน้ำใส ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเกษตรอำเภอ และสำนักงานพัฒนาชุมชน จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติด โดยพิจารณาถ่ายทอดองค์ความรู้ให้สอดคล้องกับอาชีพเดิมของผู้เข้ารับการบำบัด คือ
การทำเกษตรกรรม โดยมีตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ได้นำความรู้ไปประกอบอาชีพทำไร่นาสวนผสมในลักษณะ โคก หนอง นา สามารถปลูกพืชที่สามารถสร้างรายได้ทุกวัน หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกับพืชตามฤดูกาล และไม้ยืนต้น มีรายได้เฉลี่ย เดือนละ 5000 - 8000 บาท และไม่ต้องซื้อผักเพื่อประกอบอาหาร เป็นการลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ ส่วนอีกหนึ่งรายเป็นชายวัย 29 ปี ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ
และสมัครเข้ารับการอบรมอาชีพการเพาะเห็ดฟาง ซึ่งผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนหัวเชื้อเห็ด และโรงเรือน สามารถเพาะเห็ด
ตามหลักวิชาการที่ได้เรียนรู้มาจนสามารถสร้างรายได้วันละ 200 – 300 บาท นับเป็นการให้โอกาสผู้ป่วย ให้ได้รับการฟื้นฟูทางสังคม มีอาชีพ
มีรายได้ และกลับมาใช้ชีวิตในสังคม โดยไม่หวนกลับไปสู่วงจรของยาเสพติด